#ความสุขที่แสวงหามาทั้งชีวิต
#ปุจฉา: เมื่อฝึกหัดตามเสียงพระอาจารย์
จากยืนเดินและนั่ง
ในช่วงของการนั่งจนกายเบาจิตเบา
สมองปราศจากความคิดใด ๆ จากโลกภายนอก
แต่โยมรับรู้สัมผัสจากใจว่า
ได้รับพลังงานอันบริสุทธิ์จากธรรมชาติ
ซึ่งรับรู้และสัมผัสได้ว่า
จิตใจร่างกายสดชื่นแบบน่าอัศจรรย์มากค่ะ
พลังงานบริสุทธิ์นี้
ไม่เคยได้รับจากโลกมนุษย์เลย
หากจะเรียกว่า พลังงานทิพย์ได้ไหมคะ
ช่วงที่ได้รับพลังงานอันบริสุทธิ์นี้
สัมผัสเหมือนมีสิ่งที่ยังพิสูจน์อยู่ว่า
คือใครมาอยู่ใกล้ ๆ ค่ะ
โยมกราบขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ
.
#วิสัชนา : ก็เพียงแค่รู้แค่รู้สึก
สักแต่ว่ารู้สักแต่ว่ารู้สึก
ก็เป็นผลจากการที่มีความเพียร
ในการฝึกฝนเป็นประจำสม่ำเสมอ
จนจิตมันคลายตัวจากสิ่งที่ยึดที่หลงอยู่
#จิตเมื่อวางของหนักของร้อน
คลายจากสิ่งต่าง ๆ ในโลก
ก็จะสามารถคืนสู่ความเป็นปกติ
คืนสู่ความเป็นธรรมดา
คืนสู่ความเป็นธรรมชาตินั่นเอง
ความเป็นธรรมชาติภายในนั้น...
มีความสงบ มีความระงับอยู่
มีความสุขสงบที่ลึกซึ้ง
ผู้ปฏิบัติจะเข้าถึงสภาวะนี้ได้ ก็คือ...
#คลายออกจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง
จากการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง
เพราะฉะนั้น...
กระบวนการฝึกปฏิบัติธรรม ก็คือ
การกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาตินั่นเอง
จากปกติที่เราหลงติดข้อง
เพลิดเพลินยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งต่างๆในโลก
ก็จะหลงแบกของหนักของร้อนไว้มาก
การปฏิบัติจึงเป็นไปเพื่อการลด ละ สละ วาง
#ผู้ปฏิบัติที่เริ่มสัมผัสความสงบสุขจากภายใน
จะเริ่มรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว
ความสุขที่แสวงหามาทั้งชีวิต
มันไม่ได้อยู่ภายนอกที่ไหนเลย
มันอยู่ภายในใจของพวกเรานี่เอง
ทุกอย่างมันเกิดที่ใจ
มันก็จบที่ใจนี่แหละ
เราเกิดมาในโลกของวัตถุนิยม
ที่เขาให้คุณค่ากับสิ่งที่เป็นวัตถุ
เทคโนโลยีสิ่งต่าง ๆ มาก
#แล้วเราก็หลงไปไขว่คว้าหาความสุข
จากสิ่งต่าง ๆ ภายนอก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือ...
ความพอกหนาของกิเลสตัณหาอุปาทาน
ไฟในใจที่ถูกจุดขึ้นมา
ไฟแห่งราคะ ไฟแห่งโทสะ ไฟแห่งโมหะ
ที่แผดเผาจิตใจให้ร้อนรุ่มอยู่ร่ำไป
#หาความสงบร่มเย็นไม่ได้เลย
เรียกว่ากิเลสมันมีกำลังมาก
มันก็พาเราหลงไป
มัวเมาไปกับสิ่งต่าง ๆ ในโลก
ก่อพิษก่อภัยมากขึ้น ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ก็เรียกว่า หลุดออกจากวิถีของธรรมชาตินั่นเอง
โลกก็จะเป็นเรื่องของการหมุนวน
ของหนักของร้อนไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นมายาให้คนหลงติดข้องอยู่
#แต่เมื่อเราได้มีโอกาสศึกษาปฏิบัติธรรม
ก็เกิดการตระหนักรู้ถึงโทษภัยของสิ่งเหล่านี้
เริ่มเห็นคุณค่าที่จะได้กลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ
ก็ศึกษาปฏิบัติโดยลำดับ
ผลจากการที่มีความเพียร
ค่อย ๆ ลดละสละวางจากสิ่งต่าง ๆ ในโลก
ใหม่ ๆ ก็พบว่าเป็นเรื่องยากมากทีเดียว
เพราะว่ากิเลสมันมีกำลังมาก
มันครอบงำจิตใจเราแล้ว
เราตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาไปแล้ว
มันก็จะพาเราหลงอยู่กับโลกนี่แหละ
#กิเลสมันไม่ชอบความสงบ
มันชอบความเร่าร้อน
เรียกว่า รสอร่อยกับสิ่งต่างๆในโลก
รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส
... ที่น่าใคร่น่าปรารถนา
ถ้าใจเราพุ่งทะยานไปกับสิ่งเหล่านี้
นั่นคือกิเลสมันพาเราไป มันมีกำลังมาก
ก็ต้องอาศัยการฝึกหัดปฏิบัติ
เพาะบ่มกำลังสติปัญญานี่แหละ
จึงจะเริ่มยั้งตัวอยู่ได้
ค่อย ๆ ลดอาหารของกิเลสลง
เพียรเผากิเลส
เพาะบ่มกำลังสติปัญญา
เริ่มยั้งตัว ก็จะเริ่มเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น
#เริ่มคลายจากสิ่งที่ยึดที่หลงอยู่นั่นเอง
เริ่มเข้าถึงความสงบภายใน
ที่ลึกซึ้งโดยลำดับลำดา
ก็เป็นกระบวนการ เป็นวิถีปกติอยู่แล้ว
... ก็ค่อยๆศึกษาปฏิบัติไป
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เช้าวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565